โรคไตแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก คือ ภาวะไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง จะมาโฟกัสกันที่ภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระยะ ตามค่าการทำงานของไต (eGFR) ดังนี้
ระยะที่ 1 ไตทำงานปกติแต่เริ่มมีความผิดปกติเล็กน้อย (eGFR ≥ 90 ml/min) ในระยะนี้ แม้ว่าไตจะยังสามารถทำงานและกรองของเสียได้อย่างปกติ แต่เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติเล็กๆ ที่มักไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นได้ชัดเจน สามารถตรวจพบความผิดปกตินี้ได้จากการตรวจสุขภาพ
ระยะที่ 2 ไตเริ่มทำงานลดลงเล็กน้อย (eGFR 60-89 ml/min) ในระยะนี้ ไตจะเริ่มมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่มักยังไม่มีอาการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ผู้เป็นส่วนมากจะยังคงรู้สึกแข็งแรงเหมือนปกติ การตรวจพบส่วนใหญ่มักมาจากการตรวจสุขภาพประจำปี จากการตรวจปัสสาวะที่อาจพบโปรตีนหรือเม็ดเลือดแดงเล็กน้อย การตรวจเลือดอาจพบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ชี้ว่าการทำงานของไตเริ่มเสื่อมถอย
ระยะที่ 3 ไตเริ่มทำงานลดลงปานกลาง (แบ่งเป็น 3a และ 3b) ในระยะนี้ ไตจะเริ่มเสื่อมสภาพลงอย่างชัดเจน ทำให้ประสิทธิภาพการกรองของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายลดลง
เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายมากขึ้น หรืออาจมีอาการบวมบริเวณขา ข้อเท้า ร่างกายอาจเกิดภาวะโลหิตจางจนหน้าซีด เหนื่อยล้าแม้ทำกิจกรรมเล็กน้อย นอกจากนี้อาจเริ่มพบความผิดปกติในการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยขึ้น ปัสสาวะเป็นฟอง (แสดงว่ามีโปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ) หรือมีปริมาณปัสสาวะที่เปลี่ยนแปลงไปชัดเจน
ระยะที่ 4 ไตทำงานลดลงมาก (eGFR 15-29 ml/min) ในระยะนี้ ไตจะสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและน้ำส่วนเกินอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่ รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แม้ทำกิจกรรมเล็กน้อยก็เหนื่อย มีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ บวมที่เท้า ข้อเท้า ขา ใบหน้า หรือมืออย่างชัดเจน และอาจเกิดความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่และกรดด่างในเลือด ส่งผลให้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะกระดูกพรุนรุนแรงมากขึ้น
ระยะที่ 5 ไตวายระยะสุดท้าย (eGFR < 15 ml/min) ระยะนี้คือระยะที่ไตสูญเสียการทำงานเกือบทั้งหมด ไม่สามารถกำจัดของเสีย น้ำ และเกลือแร่ออกจากร่างกายได้เอง อาการจะรุนแรงที่สุด เช่น เหนื่อยมาก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารมาก น้ำหนักตัวลดลงอย่างชัดเจน บวมตามตัวอย่างมาก หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้เพราะน้ำคั่งในปอด รวมทั้งอาจมีอาการคันตามผิวหนังอย่างรุนแรง และโลหิตจางจนซีดอย่างเห็นได้ชัด ในระยะนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด (ฟอกไต) หรือผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพื่อรักษาชีวิตและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ไตอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างในร่างกาย ทั้งกรองของเสียออกจากเลือด ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ ควบคุมความดันโลหิต ผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง เราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพไต ไม่ให้เสื่อมก่อนเวลาอันควร
ในทางการแพทย์จีนจึงเน้นการรักษาจากต้นเหตุ เอินเวย์ ได้เลือกใช้สมุนไพรจีนสูตรเฉพาะ ซึ่งเป็นต้นตำหรับยาบำรุง ฟื้นฟู ปรับสภาพความสมดุลของไต มีประวัติการใช้ในวงการแพทย์จีนมากว่า 1,000 ปี
บำรุงไต บำบัดสารพันโรค เป็นหลักทฤษฎีชี้แนะแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสมบัติอันล้ำค่าของวงการแพทย์จีน ซึ่งมีมานานนับพันปี
รักสุขภาพ ใส่ใจดูแลไตเป็นอันดับแรก การแพทย์จีนสมัยใหม่ และนวัตกรรมสมุนไพรจีนเอินเวย์ช่วยคุณได้ ปรึกษาทีมแพทย์จีน เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญของเอินเวย์ (Enwei) ได้ที่สายด่วนสุขภาพเอินเวย์ 02-751-4399 หรือไอดีไลน์ @enwei
