หน้าแรก  »  บทความสุขภาพ  »  ภูมิแพ้ เอาชนะได้ด้วยวิธีบำบัดตามทัศนะการแพทย์จีน

ภูมิแพ้ เอาชนะได้ด้วยวิธีบำบัดตามทัศนะการแพทย์จีน

ภูมิแพ้ เอาชนะได้ด้วยวิธีบำบัดตามทัศนะการแพทย์จีน

คำแนะนำที่ว่าการบำบัดโรคภูมิแพ้ที่ได้ผลที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้นั้น ฟังดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายแต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับทำได้ลำบาก ดังที่เราเห็นจากอัตราความชุกของโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันมีแต่นับวันเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นโรคฮิตของคนไทยไปแล้ว เราหันไปทางไหนก็สามารถเจอผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ได้อย่างง่ายๆ และผู้ป่วยเหล่านี้มักจะเรื้อรังเป็นเวลานานหรืออาจเป็นตลอดชีวิต ทำให้บั่นทอนสุขภาพและคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก หากสารภูมิแพ้นั้นหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ เหตุการณ์แบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นทางที่ดีที่สุดน่าจะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในภาวะสมดุล ไม่ทำงานตอบโต้ไวเกินไปต่อสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นอันตราย ไม่ว่าเราจะเจอฝุ่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้หรือการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ก็จะไม่มี “แพ้” มีแต่ “ชนะ”…

ทำไมถึงเป็นโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดว่าสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่เข้าสู่ร่างกายนั้นเป็นอันตราย จึงตอบสนองโดยการผลิตสารภูมิต้านทานขึ้น เพื่อกำจัดและทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น เช่นเดียวกับการตอบสนองเมื่อมีเชื้อแบคทีเรีย ปรสิตหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ทั้งๆ ที่อาจเป็นแค่ฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร ไข่ ไรฝุ่น หรือการเปลี่ยนแปลงของอากาศเท่านั้น เช่น คนทั่วไปสูดฝุ่นละอองภายในบ้านซึ่งมีไรฝุ่นจะไม่เกิดอาการผิดปกติ แต่ถ้าผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้สูดเอาฝุ่นละอองเข้าไป จะเกิดอาการน้ำมูกไหล คันจมูก คันตาหรือมีอาการหอบหืด เป็นต้น โรคภูมิแพ้จึงเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานตอบโต้ไวเกินไป ซึ่งผิดกับความเชื่อของคนทั่วไปว่า โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลงหรือน้อยลง

โรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง

  • โรคแพ้อากาศ เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะมาก อาจจะกระแอมบ่อยๆ เนื่องจากน้ำมูกไหลลงคอ เป็นหวัดบ่อยหรือเป็นหวัดง่าย โรคแพ้อากาศพบได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ เป็นโรคนี้มากถึง 40% ซึ่งต่อไปในอนาคตเด็กเหล่านี้ก็มักจะถ่ายทอดโรคภูมิแพ้ให้แก่ลูกๆ
  • โรคหืด เกิดจากการอักเสบของหลอดลม ทำให้มีความไวและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้นหลอดลมก็จะหดตัวอย่างรุนแรงจนตีบแคบ ทำให้หายใจลำบาก ไอ หอบ แน่นหน้าอกและหายใจมีเสียงวี้ดๆ พบในคนทุกวัยและถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หากพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคหืด ลูกจะมีโอกาสเป็น 30-50% และสูงถึง 60-100% หากพ่อแม่เป็นทั้งคู่
  • ลมพิษ มักมีอาการบวม แดง คันที่ผิวหนัง ตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย ลมพิษอาจจะเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจจะเป็นๆ หายๆ สามารถเป็นได้กับคนทุกวัยเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ลมพิษชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมักจะเกิดจากการแพ้อาหาร ยาหรือการติดเชื้อ และลมพิษชนิดเรื้อรัง มักเกิดตามตำแหน่งที่เกาหรือกดทับเป็นเวลานาน

โรคภูมิแพ้ สาเหตุในทัศนะการแพทย์จีน

การแพทย์จีนได้จัดโรคภูมิแพ้ให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากภาวะพร่องพลัง (气虚症) ซึ่งหมายถึงสมรรถภาพการทำงานของอวัยวะในร่างกายถดถอยลง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติไปด้วย ภาวะพร่องพลังมักจะเกิดขึ้นร่วมกันในปอด ม้ามและไต ผู้ป่วยจึงมีอาการได้หลายอย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะพร่องพลังนั้นจะไปเป็นหนักในอวัยวะใด อาทิ

  • พลังม้ามพร่อง (脾气虚) มักจะมีอาการหน้าซีดเหลือง ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากพูดคุย เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย แน่น จุกเสียดที่ท้อง มีลมในกระเพาะอาหาร ท้องเสียเป็นประจำ หรืออุจจาระหยาบไม่จับตัวเป็นก้อน ฯลฯ
  • พลังปอดพร่อง (肺气虚) มักจะมีอาการหายใจขัด หายใจถี่ หอบ ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะไอแบบไม่มีแรงหรือไอตอนกลางคืน มีเสมหะมาก เสียงพูดเบาหรือค่อย เหงื่อออกง่าย ทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกร้อน หรือเหงื่อออกในขณะนอนหลับ เป็นหวัดง่าย ลิ้นมีฝ้าขาวหรือลื่น ฯลฯ
  • พลังไตพร่อง (肾气虚) เมื่อไตอ่อนแอมากๆ ก็จะทำให้พลังในไตพร่องลง ซึ่งมักจะมีอาการหายใจขัด หายใจถี่ หอบหืด หายใจได้ไม่เต็มอิ่ม อ่อนเพลียง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง ใจเต้นแรง มีอาการบวมที่ใบหน้าและแขนขา เหงื่อออกง่าย ลิ้นมีฝ้าขาวหรือลื่น ขอบลิ้นทั้ง 2 ด้านมีรอยกดทับของฟัน ฯลฯ

จากการศึกษาทางคลินิกในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่า ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยพร่องพลังมักจะทำงานผิดปกติไปด้วย ซึ่งอาจแสดงในด้านภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง ทำให้ง่ายต่อการรุกรานของโรค หรือในด้านภูมิต้านทานของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ ส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยพร่องพลังจึงมีดัชนีชี้วัดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติไปอย่างน้อย 1 ดัชนี เช่น ปริมาณของเซลล์ CD3 CD4 CD8 อัตราส่วนของเซลล์ CD4 ต่อ CD8 ระดับของซีรั่ม IgA IgE IgG หรือ IgM แอนติบอดี เป็นต้น

ใครมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่ากัน

ผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้สูงกว่า ได้แก่ผู้ที่มีพ่อแม่หรือปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ซึ่งเป็นญาติที่มีสายเลือดเดียวกันเป็นโรคภูมิแพ้ พ่อและแม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกๆ จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถึง 80% ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกๆ จะมีโอกาสเป็น 50% และสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ ก็มักจะเป็นโรคภูมิแพ้ประเภทเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวันและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การใช้ยาเคมีอย่างพร่ำเพรื่อ (ยาแก้ปวด ยาคุมกำเนิด ยารักษาสิว ยาปฏิชีวนะ ยาลดความดัน ยาลดความอ้วน ฮอร์โมนทดแทน ฯลฯ) ความเครียด มลภาวะเป็นพิษ ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักผลไม้ สารฮอร์โมนที่สะสมในเนื้อสัตว์ อาหารทะเลที่แช่ฟอร์มาลินหรือได้รับสารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม สารโซเดียมที่อยู่ในอาหาร ขนมขบเคี้ยวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ผงชูรส ผงฟู ฯลฯ) อาหารรสจัด รสเค็ม อาหารและเครื่องดื่มที่ผสมสี ทำงานเกินกำลังหรือทำงานหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอน ตลอดจนการมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินควร เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ล้วนเพิ่มโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ทั้งสิ้น

วิธีบำบัดแบบองค์รวมของการแพทย์จีน

สำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ การแพทย์จีนนิยมใช้สมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณในการบำบัดภาวะพร่องพลัง เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและปรับระบบภูมิคุ้มกันให้เกิดความสมดุล ไม่ตอบโต้หรือทำงานไวเกินไปต่อสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นอันตราย จึงสามารถขจัดต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ได้ จากการวิจัยและทดลองทางการแพทย์และเภสัชวิทยาในปัจจุบันพบว่า ยาสมุนไพรจีนที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัดเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เนื่องจากสามารถสกัดและควบคุมสารออกฤทธิ์ได้อย่างเข้มข้นและแม่นยำ โรคภูมิแพ้และอาการอื่นๆ ที่เกิดจากภาวะพร่องพลังจึงค่อยๆ ทุเลาลง ลดระดับความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ ทำให้โรคภูมิแพ้กำเริบน้อยครั้งลงหรืออาจหายไปในที่สุด ทั้งยังหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง การเห็นผลล่าช้าและปราศจากสารตกค้าง

นอกจากนี้ การแพทย์จีนยังแนะนำผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ถูกสุขลักษณะ พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวไว้ข้างต้น ออกกำลังกายเป็นประจำ และลดการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นหรือฤทธิ์ชื้น ทั้งนี้เนื่องจากสภาพร่างกายของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ มักจะมีลักษณะเย็นและชื้นมากเกินไปอยู่แล้ว อาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผลไม้ประเภทแตงทั้งหลาย น้ำมะพร้าว แก้วมังกร มังคุด หัวไชเท้า แตงกวา หน่อไม้ เป็นต้น รวมทั้งควรลดการดื่มน้ำที่แช่เย็นด้วย อาหารที่มีฤทธิ์ชื้น เช่น แอปเปิ้ล ปลาที่ไม่มีเกล็ดทุกชนิด อาหารทะเลที่มีเปลือกทุกชนิด ไข่ทุกชนิด น้ำผึ้ง เป็นต้น

YouTube player
ปรึกษาแพทย์จีน
ปรึกษาแพทย์จีน
Scroll to Top